วิธีดูแลสุขภาพสำหรับคุณแม่หลังคลอด
เมื่อคุณแม่ทำการคลอดลูกน้อยกลอยใจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากเฝ้ารอมานาน 9 เดือน แต่ก็คุ้มค่าอย่างยิ่งกับความสุขเต็มอิ่มที่ได้เห็นหน้าของเจ้าตัวน้อยที่เป็นดุจดังแก้วตาดวงใจของเรา คราวนี้ก็ได้เวลาคุณแม่ที่จะต้องหันมาดูแลตัวเองให้ดีหลังคลอดไปแล้ว
คุณแม่ส่วนใหญ่ต่างพากันเข้าใจผิดว่าแผลผ่าตัดนั้นมันจะเจ็บน้อยกว่าแถมยังหายเร็วกว่าการคลอดเองตามธรรมชาติ แต่แท้จริงแล้วนั้นแผลผ่าตัดต่างหากที่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นคืนสู่สภาพเดิมนานกว่าปกติ อย่างไรก็ดีไม่ว่าคุณแม่จะคลอดด้วยวิธีใดก็ควรดูแลรักษาความสะอาดให้เป็นอย่างดีตามที่คุณหมอ, พยาบาล และผู้ทำคลอดต่างแนะนำ รวมทั้งต้องทานยาให้ครบถ้วน
นอกจากคุณแม่จะเจ็บปวดที่แผลแล้วนั้นมันยังมีอาการปวดมดลูกร่วมด้วย เนื่องจากมดลูกที่เคยขยายเพื่อโอบอุ้มเจ้าตัวน้อยเอาไว้นั้นมันจะบีบตัวเพื่อปรับขนาดคืนสู่สภาพเดิม ทำให้คุณแม่จะมีอาการปวดคล้ายปวดประจำเดือนอยู่ราว 2-3 วัน รวมทั้งบางครั้งที่ให้ลูกน้อยดูดนมก็อาจปวดมดลูกขึ้นมาได้เช่นกัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นอันตรายมากมายแต่อย่างใดเลย
แม้หลังคลอด 2 วันแรกจะมีน้ำคาวปลาสีแดงสดไหลออกมามากกว่าประจำเดือนราวเท่าตัว แต่พอก้าวเข้าสู่วันที่ 3-4 น้ำคาวปลาก็จะลดลงเรื่อยๆ จนหยุดไปภายใน 14 วัน อย่างไรก็ดีมีคุณแม่บางท่านอาจจะมีน้ำคาวปลาไหลออกมานานกว่าปกติ แต่ก็ไม่ควรที่จะเกิน 21 วัน โดยคุณแม่ที่ให้นมลูกร่างกายจะหลั่งสารออกซิโทซินออกมาจนช่วยลดปริมาณน้ำคาวปลาและช่วยให้มดลูกหดตัวเร็วขึ้นอีกด้วย
สำหรับอาการเจ็บจากการให้นมลูกมักพบได้บ่อยในคุณแม่ที่เลี้ยงลูกน้อยด้วยน้ำนมของตัวเอง แม้คุณแม่ส่วนใหญ่จะมีอาการเจ็บหัวนมในช่วงให้นมเจ้าตัวน้อย และบางคนอาจเกิดเผยขึ้นที่หัวนม แต่ก็แก้ไขได้ไม่ยากจากการปรับท่าดูดนมลูกให้ถูกต้องและเหมาะสม โดยควรให้ลูกดูดนมจนถึงลานหัวนมทั้งบนและล่าง และควรให้เจ้าตัวเล็กสลับข้างกันดูดด้วยการเริ่มจากข้างละ 5 นาที แล้วจึงค่อยเพิ่มเวลาให้นานขึ้น ซึ่งการให้นมลูกในท่าที่ถูกต้องจะช่วยลดอาการเจ็บหัวนมได้ดีเลยทีเดียว แต่หากเกิดหัวนมแตกก็ควรหาครีมมาทาที่มีขายหลากหลายยี่ห้อ แต่ไม่ว่าจะใช้ยี่ห้อใดต้องไม่ลืมเช็ดทำความสะอาดหัวนมก่อนให้เจ้าตัวน้อยดูดดื่มล่ะ
น้ำหนักตัวนั้นเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คุณแม่เป็นห่วงไม่น้อยเลยทีเดียว แม้ว่าหลังคลอดแล้วน้ำหนักของคุณแม่จะลดลงทันที 5-6 กิโลกรัม แต่มันก็ยังมีน้ำหนักส่วนเกินที่คอยกวนใจไม่ใช่น้อย โดยทางที่ดีคุณแม่ควรเลือกควบคุมน้ำหนักด้วยการทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ และอย่าอดอาหารเด็ดขาดเนื่องจากอาหารที่คุณแม่ทานเข้าไปนั้นมันยังเป็นส่วนสำคัญทั้งคุณแม่และคุณลูก ซึ่งหากคุณแม่ได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนมันก็ย่อมส่งผลให้น้ำนมมีคุณค่าสูงเป็นเงาตามตัว
ส่วนการควบคุมน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายนั้น คุณแม่ต้องอย่าใจร้อนให้มันค่อยเป็นค่อยไป โดยคุณแม่อาจเริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายเบาๆ อย่างการเดินวันละสัก 10-15 นาที แล้วจึงค่อยเพิ่มความเร็วของการเดินให้มันสอดคล้องกับความสามารถของร่างกาย
ทีมงาน meemodel ที่ชื่นชอบการเขียนบทความ และสนุกกับการใช้ชีวิต