ทำในสิ่งที่รักและจงรักในสิ่งที่ทำ
บางคนโหยหาการทำงานที่ตัวเองชอบ พยายามไขว่คว้าแต่เฉพาะกับความพึงพอใจของตัวเอง แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่หาใช่ทุกคนไม่ที่จะได้ทำงานที่ตนเองรักและใฝ่ฝัน บางคนอยากเป็นหมอ แต่กลับต้องกลายมาเป็นแม่ค้าขายกับข้าว บางคนอยากเป็นครู แต่ต้องมาทำหน้าที่จัดตารางบัญชีให้บริษัท
หรือบางคนอยากวาดภาพทำงานศิลปะ แต่ต้องไปเป็นตำรวจ...ซะงั้น แบบนี้คงหาความสุขในการทำงานได้ยากหน่อย เหมือนทุกเช้าที่ตื่นมาคือฝันร้าย มีแค่วันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะได้ปลดปล่อยตัวเอง เป็นอิสระจากสิ่งที่ไม่ได้อยากจะทำ พอถึงเช้าวันจันทร์ก็เหมือนการตื่นขึ้นมาความจริงที่แสนโหดร้ายอีกครั้ง
เสียงนาฬิกาแว่วดังมากเป็นพิเศษ เวลาชั่วโมงแล้วชั่วโมงล่าที่ผ่านไปราวกับการพัดผ่านนานแรมปี เข้างานแล้วก็อยากรีบเร่งให้ถึงเวลาเลิกงานเร็วๆ ตัวอาจจะนั่งทำงานอยู่ แต่ใจกลับโลดแล่นออกไปไกลถึงความฝันที่ไม่เป็นจริงอยู่ก็เป็นได้
เรียนรู้ที่จะอยู่กับ “งาน” อย่างมีความสุข
คิดก่อนว่างานที่เราทำ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เราต้องทำงานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5 วันต่ออาทิตย์ ดังนั้น แทบจะเรียกได้ว่ามันเป็นเศษเสี้ยวหนึ่งของวงจรชีวิตเลยก็ว่าได้ ใครที่ได้ทำงานตามความฝัน...ก็ถือว่าโชคดีไป
ส่วนใครที่ไม่ได้อย่างที่ตัวเองวาดหวังเอาไว้ กลายเป็นความเบื่อหน่าย ท้อแท้ และอยากให้แต่ละวันหมดไปอย่างรวดเร็ว ลองมองกลับมา...เวลาที่ผ่านไปกับการทำงานที่ไม่ได้รัก ไม่ได้วาดฝันว่าจะต้องมาทำ ทำให้เกิดความรู้สึกทุกข์ใจมากมาย ความสุขที่เคยมีกลายเป็นความตึงเครียด
ใบหน้าที่บึ้งตึงจนทำให้คุณภาพชีวิตลดต่ำลงเรื่อยๆ แม้จะมีเงินทอง...แต่ไม่ไร้ความสุขก็หาใช่สิ่งที่น่าสนใจไม่ การเปลี่ยนแปลงมุมมองความคิดตัวเองเสียใหม่ อาจจะช่วยให้อรรถรสในการทำงานที่ไม่ได้รัก กลายเป็นงานรักขึ้นมาก็เป็นได้ ด้วยแนวคิดในการทำงานด้วยหัวใจ เมื่อไม่ได้รักงานที่ทำมาก่อน...ก็จงสร้างหัวใจให้รักมัน
“ทำในสิ่งที่รัก...และจงรักในสิ่งที่ทำ" มุมมองที่จะช่วยให้แต่ละวันของเรามีความสุขไปกับการทำงานได้มากขึ้น เป็นเรื่องที่ไม่ยาก แค่เลิกสร้างความรู้สึกในแง่ลบต่องาน คิดเสียว่าวันนี้ได้มีงานทำคือโชคดี
ดีกว่าคนอีกมากมายที่ต้องเดินเตะฝุ่นแบบไร้เป้าหมาย ตั้งหน้าตั้งตาทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น งานที่ไม่เคยรัก จะกลายเป็นงานที่พิเศษขึ้นมาได้ในทันที แค่รู้จักการมองโลกมุมใหม่...รักในสิ่งที่ทำก่อน แล้วสิ่งนั้นจะตอบแทนกลับมาด้วยตัวของมันเอง่จะได้ปลดปล่อยตัวเอง เป็นอิสระจากสิ่งทู่จ...ซะงั้น แบบนี้คงหาความสุขในการทำงานได้ยากหน่อย เหมือนทุกเช้าที่ตื่นมาคือ
ทีมงาน meemodel ที่ชื่นชอบการเขียนบทความ และสนุกกับการใช้ชีวิต
