กระดาษขาวกับเรื่องราวที่ถูกระบายหลากสี
สีที่ถูกหยิบมาระบายบนผืนผ้าใบสีขาวหรือสีที่ถูกหยิบขึ้นมาระบายบนหน้ากระดาษอันบริสุทธิ์ ความสะอาดตาตรงหน้าที่เคยมี เลือนหายไปพริบตา ทับถมแทนที่ด้วยเหล่าสีสันต่างๆ แต่ละสีมีความโดดเด่นในตัวเองและนั่นก็คือเสน่ห์ของการลากเส้นสีสัน ลวดลายที่เกิดขึ้นแม้อาจไม่ใช่ลายวิจิตรการตา ไม่งดงามจับใจ แต่รู้ไหมว่ามือผู้วาดบรรจงเพียงใดกับการระบายลงไปอย่างมุ่งมั่นทุ่มเท คนมองอย่างฉัน..นึกขอบคุณคนระบายสีอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ฉันอยากจะเอ่ยขอบคุณกระดาษสีขาวใบนั้นด้วย..
ที่อุตสาห์ย่อมเสียสละความบริสุทธิ์ของตัวเองเพื่อยอมแลกกับการแปดเปื้อนเฉดสี แม้ว่าสีดำ สีเทาหรือสีน้ำตาลหม่นๆ จะกรีดทับถมจนทำให้ผิวกระดาษขาวสีความหมองเศร้าไปบ้าง แต่ฉันคิดว่าหากกระดาษใบนั้นมันพูดได้ มันคงอยากพูดจับใจว่า “ไม่เป็นไร ฉันดีใจด้วยซ้ำที่ได้ทำหน้าที่อ้าแขนรับการระบายลงมาอย่างไร้ขีดจำกัด เพราะนี่คือความสุขของฉัน สุข...ที่มาพร้อมการได้เห็นแววตาคนวาดและระบาย แต่งเติมสีลงไปอย่างมีกลิ่นอายความสุขสะท้อนตาม”
หลายครั้ง... ที่เพื่อนสนิทของเราโทรมาร้องไห้ฟูมฟาย ระบายเรื่องราวต่างๆ ที่ทับถมจิตใจให้เราได้รู้ การระบายจากอกของใครอีกคน กับเรื่องราวเดิมๆ ซ้ำๆ หรือเรื่องราวใหม่ๆ ก็ดี ผู้ทำหน้าที่รับฟัง...คงไม่ต้องปลอบใจอะไรมากหรอก เพราะฉันคิดว่าการปลอบใจที่ดีที่สุด ก็คือการอ้าแขนต้อนรับให้ใครอีกคนได้ขีดเขียนความไม่สุข ระบายเล่าความทุกข์ทุกเรื่องลงมาที่ฉันให้หมด เฉกเช่นกระดาษสีขาวบริสุทธิ์แผ่นนั้นที่ไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน นอกจากทำหน้าที่เป็นผู้รับฟัง ฉันเชื่อว่าการรับฟังเรื่องเล่า รับฟังคนที่กำลังมีปัญหา มันเป็นการช่วยสร้างความสุขในแบบเงียบๆ เบาๆ ให้เกิดขึ้นได้จริง
หัวใจของเขาจะทุเลา อาการตึงเครียดจะเบาขึ้นสองเท่า ยาคลายเครียดชนิดใด ฉันว่ามันช่วยระงับและบรรเทาไม่ได้เลย เมื่อเทียบกับการสร้างกำลังใจให้คนที่กำลังทุกข์ ด้วยการอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเขาตลอดเวลา
หลายคนบอกว่าเวลาที่เพื่อนสนิทโทรมาระบายความทุกข์ใจ ก็ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนไปปลอบให้หาย ฉันเคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับตัวเอง เปรียบเช่นทั้งผู้ระบายสีและผู้เป็นกระดาษรับการระบายพร้อมกัน เรียกได้ว่าฉันเคยยืนในจุดดังกล่าวมาแล้ว และจุดยืนทั้งสองก็ให้ข้อคิดกับฉันว่า “บางครั้ง..ในยามทุกข์ ความสุขจะเกิดขึ้น ความทุกข์จะเบาลง อาจไม่ใช่เพราะคำพูดใครอีกคนเสมอไป ทว่ามันกลับเป็นการรับฟังเราระบายมันออกไป...อย่างตั้งใจต่างหาก”
การที่เราเล่าหรือระบายเรื่องทุกข์ใจออกไป โดยที่ใครอีกคนไม่มีทีท่าจะเบื่อหน่าย หนำซ้ำกลับจะยิ่งห่วงใยเรามากขึ้นด้วยซ้ำนั้น ฉันมองว่านี่แหละมันคือสีสันของชีวิตที่เราได้รับกลับมาพร้อมกำลังใจดีๆ ที่ซ่อนอยู่อย่างเงียบเชียบพร้อมกัน
ดังนั้น หากวันนี้หรือวันใดที่คุณเหนื่อยล้า มีเรื่องอึดอัดคับแค้นใจอยากจะมองหาใคนสักคนเป็นพื้นกระดาษขาวให้คุณได้ระบายสีลงไป จงอย่าไปเรียกร้องหรือคาดหวังอะไรจากเขามากเลยนะคะว่าเขาจะต้องมีมากร้อยพันคำปลอบโยนสุดเลิศมาปลอบใจคุณ เพราะเพื่อนที่รับฟังเรา บางคนเขาอาจจะพูดไม่เก่ง แสดงออกไม่เป็น แต่ลึกๆ เขาอาจจะมีจิตใจห่วงใยเราแท้จริง และแสดงออกด้วยการรับฟังเราระบายออกด้วยความสงบเงียบแทน แค่นี้... ก็เป็นเสน่ห์แห่งสีสันที่สวยงามแล้ว
เช่นเดียวกัน หากวันใดที่มีใครสักคนเอาสีมารอระบายคุณสัก 1 กำมือ จงให้เวลาเขาและกางหน้ากระดาษหัวใจคุณด้วยรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ ราวกับกำลังกางแขนพร้อมโอบกอดเขาจากนั้นปล่อยให้เขาได้ระบายความทุกข์ใจกลับมา สีในหนึ่งกำมือที่เขากำมาแน่นหนา มันจะค่อยๆ คลายลง สีจะถูกหยิบออกมาระบายบนกระดาษความรู้สึกเราทีละสีๆ จนหมดในที่สุด
และเมื่อสีในกำมือความทุกข์หมดลง ยาแห่งความบรรเทาจิตใจก็ออกฤทธิ์ สารเอ็นดอร์ฟินหลั่ง รอยยิ้มเขาจะฉายแววออกมาพร้อมกับคำกล่าวขอบคุณอันซาบซึ้งใจ และนี่ก็จะกลายเป็นสุดยอดกำลังใจที่คุณมีมอบให้เขาได้ด้วยหัวใจอันยิ่งใหญ่แท้จริง
ทีมงาน meemodel ที่ชื่นชอบการเขียนบทความ และสนุกกับการใช้ชีวิต